[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
E-SERVICE
เมนูหลัก
เอกสารเผยแพร่ สพฐ.
ประกาศต่างๆ ของ สพป.กระบี่
กลุ่มงาน สพป.กระบี่

  

งานวิจัยการศึกษา
    เรื่อง : การตรวจสอบสำนวนการดำเนินการทางวินัยไม่ร้ายแรง ช่วงเวลาการปฏิบัติงาน วันที่ 23 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 22 กรกฎาคม 2564

เจ้าของผลงาน : นายทองดี รักษ์ศรีทอง
จันทร์ ที่ 21 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565
เข้าชม : 1375    จำนวนการดาวน์โหลด : 757 ครั้ง
AXTUS
AXTUS Want To Rule The World

บทคัดย่อ :
               ผู้ขอรับการประเมินคัดเลือกพิจารณาจากพยานบุคคลและพยานเอกสารแล้วมีความเห็นว่า             ในวันที่ 22 ตุลาคม 2563 เวลาประมาณ 14.54 นาฬิกา นาย  ก ได้ยึดโทรศัพท์ของเด็กหญิง  ข นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านไหนหนัง ไปจริงโดยที่ไม่ปิดหน้าจอโทรศัพท์และได้เห็นหน้าจอและจนทำให้มีนักเรียนผู้อื่นเห็นได้เข้ามาดูแอปพลิเคชั่นเมสเซนเจอร์แชทส่วนตัวของเด็กหญิง  ข เป็นเหตุให้เด็กหญิง  ข   ได้รับความอับอายและกระทบกระเทือนทางจิตใจ  นาง  ค มารดาของเด็กหญิง  ข  จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่  สถานีตำรวจภูธรอ่าวนาง  อำเภอเมืองกระบี่  จังหวัดกระบี่ เพื่อดำเนินคดีความอาญาและคดีแพ่ง จนต่อมาศาลแขวงกระบี่ ได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่  อ 126/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อ 32/2564 ในวันที่ 21 มกราคม 2564  คดีระหว่าง พนักงานอัยการคดีศาลแขวงกระบี่ โจทก์ นาง ค         ผู้ร้อง นาย ก จำเลย ได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคสาม พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจแล้วเห็นว่า เหตุในคดีเกิดขึ้นเนื่องจากจำเลยเป็นครูประจำชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้เสียหายเรียนอยู่ ซึ่ง จำเลยมีหน้าที่ดูแลนักเรียนให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนได้ยึดโทรศัพท์ของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นนักเรียนในปกครองเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับของโรงเรียน ซึ่ง ภายหลังจำเลยได้คืนโทรศัพท์ให้แก่ผู้เสียหายหลังโรงเรียนเลิก จึงน่าเชื่อว่ามูลเหตุในการกระทำความผิดคดีนี้เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ของจำเลยในการดูแลกฎระเบียบของโรงเรียน ทั้งระหว่างที่จำเลยรับราชการครูมากกว่า 30 ปี ไม่มีความประพฤติในทางเสียหายมาก่อน น่าเชื่อว่าจำเลยรับราชการเป็นครูที่ดีมาโดยตลอด ประกอบกับหลังเกิดเหตุฝ่ายจำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ฝ่ายผู้ร้องจนเป็นที่พอใจ โดยผู้ร้องแถลงว่าปัจจุบันผู้ร้องและจำเลยมีความเข้าใจกันดีจึงไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีอาญากับจำเลยอีกต่อไป และไม่ประสงค์เรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ จากจำเลย ทั้งไม่ประสงค์ให้จำเลยได้รับโทษจำคุก จึงนับว่ามีเหตุอันควรปรานี เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้รอการกำหนดโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ซึ่ง เป็นความผิดลหุโทษ จะเห็นว่าตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคำพิพากษานาง  ค  มารดาของเด็กหญิง  ข นักเรียนที่เสียหาย ได้รับความเข้าใจและไม่ติดใจที่จะดำเนินการทางคดีเรียกร้องค่าเสียหายจากนาย  ก แล้ว ประกอบกับนาย  ก  รับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2563 เวลากลางวัน ได้นำโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเด็กหญิง  ข  ผู้เสียหายที่เป็นนักเรียนมาเปิดดูการใช้งานแอปพิเคชั่นแมสเซนเจอร์แซทส่วนตัวของผู้เสียหายที่มีข้อความสนทนากับผู้ชายต่อหน้านักเรียนผู้อื่นจริง แต่ตนไม่มีเจตนา ที่จะทำให้นักเรียนได้รับความอับอาย หรือความกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจแต่อย่างใด และตามระเบียบปฏิบัติสำหรับนักเรียนโรงเรียนบ้านไหนหนังได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้เพื่อให้นักเรียนปฏิบัติไว้ในข้อ 10 ว่า ไม่นำโทรศัพท์มือถือ เครื่องสื่อสารทุกชนิดมาโรงเรียน ส่วนในประเด็นที่มีข้อเท็จจริงว่า เด็กหญิง ข พยายามจะกระทำการผูกคอตนเองเพื่อพยายามฆ่าตัวตาย นั้น เป็นเหตุที่เกินความคาดหมายและไม่มีพยานหลักฐานยืนยันถึงเหตุการณ์ดังกล่าวมีเพียงพยานบอกเล่าข้อเท็จจริงที่เป็นมารดาของเด็กหญิง  ข  เท่านั้นขาดประจักษ์พยานมิอาจรับฟังได้  ดังนั้น ตามที่คณะกรรมการสอบสวนและโรงเรียนบ้านไหนหนังในฐานะผู้บังคับบัญชามีความเห็นว่า นาย  ก  มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมได้ยึดโทรศัพท์ของเด็กหญิง ข ไปโดยพละการ จึงเป็นการกระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรงฐาน เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการไม่รักษาชื่อเสียงของตนและรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการมิให้เสื่อมเสีย โดยได้กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ตามมาตรา 94 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สมควรรับการลงโทษทางวินัยแต่เป็นการกระทำผิดวินัยเล็กน้อยและราชการไม่เสียหาย ประกอบกับพฤติการณ์แห่งการกระทำ นาย  ก  ได้กระทำไปตามข้อปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนจึงได้ยึดโทรศัพท์ไปแต่ไม่ปิดเครื่อง มีเหตุอันควรงดโทษและเห็นควรให้ว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ตรวจสอบสำนวนการดำเนินการทางวินัยแล้วเป็นไปตามข้อกฎหมายจึงเห็นชอบตามที่โรงเรียนบ้านไหนหนังเสนอ เมื่อพิจารณาเสร็จแล้วนำเสนอผลการดำเนินการทางวินัยต่อผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่พิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย และจัดส่งสำนวนการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรงไปยังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกระบี่ และรายงานให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกระบี่ รับทราบและพิจารณาแล้วเห็นชอบว่ามีเหตุอันควรงดโทษและเห็นควรให้ว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร และรายงานผลการดำเนินการทางวินัยไปให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้รับทราบและพิจารณาแล้วเห็นชอบตามมติคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกระบี่ที่มีมติเห็นชอบให้งดโทษ  จึงถือว่าการดำเนินการทางวินัยเป็นอันถึงที่สุด



ดาวน์โหลด  ( บทคัดย่อ) 

งานวิจัยการศึกษา 5 อันดับล่าสุด

      รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน โรงเรียนบรบือวิทยาคาร  จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม 9/พ.ย./2565
      รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม โรงเรียนบ้านศรีอรุณ จังหวัดมหาสารคามสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3 28/ก.ย./2565
      รายงานผลการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของโรงเรียนบ้านหนองล่าม จังหวัดมหาสารคาม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3 28/ก.ย./2565
      รายงานการโครงการประเมินส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนบ้านกอตง ตำบลเขาดิน อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ปีการศึกษา 2563 31/ก.ค./2565
      รายงานการโครงการประเมินส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนบ้านกอตง ตำบลเขาดิน อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ปีการศึกษา 2563 31/ก.ค./2565